“CLOVER SOLUTION” จับมือ “SHOW DC” ทุ่มงบกว่า 500 ล้านบาท เปิดตัวเมกะโปรเจกต์ “SHOW DC Esport Hub” เนรมิตพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ให้เป็น Ecosystem ด้านอีสปอร์ตแบบครบวงจร แห่งแรกของเอเชีย!
(10 ส.ค. 63) กรุงเทพฯ : บริษัท โคลเวอร์ โซลูชั่น จำกัด (Clover Solution) จับมือ บริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด (SHOW DC Crop LTD.) เปิดตัวเมกะโปรเจกต์ “SHOW DC Esport Hub” Ecosystem ด้านอีสปอร์ตแห่งแรกของเอเชีย! ทุ่มงบกว่า 500 ล้านบาท ปรับพื้นที่ของศูนย์การค้า โชว์ ดีซี กว่า 10,000 ตารางเมตร ให้เป็นอาณาจักรสื่อและศูนย์กลางของการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมอีสปอร์ตแบบครบวงจร ที่พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับนักกีฬาอีสปอร์ต และโปรเพลย์เยอร์ รวมถึงผู้ที่สนใจในด้านอีสปอร์ตจากทั่วโลก ซึ่งมีการจัดงานลงนามเซ็นสัญญาไปเป็นที่เรียบร้อย โดยมี นายเอนก ชัยชนะสงคราม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท โคลเวอร์ โซลูชั่น จำกัด และ มร.โก ซูซิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด เป็นผู้ลงนาม นอกจากนี้ภายในงานมีพันธมิตรมาร่วมเป็นสักขีพยานและแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง ณ บางกอก ทัวริสต์ เลาจน์ ศูนย์การค้า โชว์ ดีซี ที่ผ่านมา
นายเอนก ชัยชนะสงคราม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท โคลเวอร์ โซลูชั่น จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์และที่มาของเมกะโปรเจกต์ในครั้งนี้ว่า “เนื่องจากทางเราอยู่ในวงการอีสปอร์ตมาระยะหนึ่ง โดยปี 2562 ได้จัดงาน “CLOVER SOLUTION & UNITRY THAILAND’S PUBSTOMP 2019” การถ่ายทอดสดการแข่งขัน โดต้าทู เดอะ อินเตอร์เนชั่ลแนล 2019 (DOTA 2 The International 2019) หรือ TI 9 รอบสุดท้ายของเกม DOTA 2 ซึ่งเรามองเห็นโอกาสว่าธุรกิจในบ้านเรายังสามารถเติบโตได้อีก และในต่างประเทศยังไม่มีประเทศไหนที่รวมทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน มีพันธมิตรต่างชาติสนใจอยากจะนำนักกีฬาอีสปอร์ตมาเก็บตัวที่เมืองไทย แต่ติดตรงที่พักและสถานที่ฝึกซ้อมอยู่ห่างกัน และต้องเดินทางไปแข่งขันคนละที่อีก เราจึงเกิดไอเดียที่จะรวมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอีสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกันแบบ One stop service ที่นี่ที่เดียว จุดเด่นของโปรเจกต์นี้คือการเป็น อีโค ซิสเต็ม (Ecosystem) ทางด้านอีสปอร์ตแห่งแรกในเอเชีย เรียกว่าเป็นอาณาจักรสื่อและศูนย์กลางของการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมอีสปอร์ตแบบครบวงจร ซึ่งประกอบด้วย 7 โซนหลัก อาทิ 1.Esport cafe by GLP, 2.Live streaming center, 3.Esport shop, 4.Esport camp, 5.Co-working space & Office for rent, 6.Esport studio และ 7.Esport education center โดยผู้ที่สนใจจะได้เรียนรู้ทั้งระบบ ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการเทิร์นไปเป็นผู้เชี่ยวชาญ โดยมีใบประกาศนียบัตรหลักสูตรจากต่างประเทศทั้งเอเชียและยุโรปให้ด้วย เราไม่อยากให้มองว่าที่นี่เข้ามาเพื่อเล่นเกมอย่างเดียว แต่ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้ ค้นหา ฝึกฝนทักษะ สู่การเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตอย่างเต็มตัว และสามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างอาชีพต่าง ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอีสปอร์ตและเกมมิ่งในสาขาต่าง ๆ ได้ คาดว่าปลายปีนี้จะเปิดให้ครบทั้ง 7 โซน หรืออย่างช้าคือต้นปี 64 นี้แน่นอน สำหรับมาตรการป้องกันโควิด-19 นั้น เรายังคงให้ความสำคัญซึ่งภายใน SHOW DC Esport Hub ได้มีมาตรการป้องกันตามวิถีในการใช้ชีวิตแบบ New Normal รวมไปถึง Next Normal ควบคู่ไปด้วยเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่เข้ามาใช้บริการในอนาคต
และการได้มีโอกาสร่วมมือกับทาง โชว์ ดีซี ในครั้งนี้ ด้วยสถานที่และความพร้อมในหลาย ๆ ด้านของที่นี่ ค่อนข้างลงตัวและเหมาะสมที่จะเนรมิตให้เป็นอีโคซิสเต็มอาณาจักรทางด้านอีสปอร์ตที่ใหญ่ระดับเอเชีย ซึ่งที่นี่สามารถรองรับนักกีฬาได้จากทั่วทุกมุมโลกและกลุ่มคนที่สนใจได้จำนวนมาก รวมถึงสามารถเป็นศูนย์กลางด้านอีสปอร์ตในทุก ๆ สาขา เข้าถึงการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายว่าที่นี่เป็นแหล่งที่พวกเขาสามารถเดินทางมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ ส่วนงบประมาณในการลงทุนครั้งนี้มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท อาทิ การปรับปรุงพื้นที่ อุปกรณ์ งบทำการตลาด งบการทำมีเดีย งบการประชาสัมพันธ์ที่ต้องมีความต่อเนื่องในระยะยาวด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจอยากเข้ามาร่วมลงทุนกับโปรเจกต์นี้ เราเปิดกว้างพร้อมเป็นที่ปรึกษาที่จะให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจของอุตสาหกรรมอีสปอร์ตและเกมมิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ที่ยังเปิดกว้างมากในประเทศไทย และในตลาดโลกเองธุรกิจนี้ก็ยังมีเงินสะพัดมหาศาล ถึงแม้ช่วงนี้อยู่ในช่วงที่ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม อยากให้เชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมนี้ถ้าเราช่วยกันผลักดันให้บ้านเราเติบโตขึ้น และสามารถยกระดับสู่โลกได้ไม่ยาก อยากให้ลองเข้ามาคุยมาศึกษาตลาดนี้ด้วยกัน โดยตอนนี้เรามีสิทธิพิเศษมากมายสำหรับพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาร่วมกับโปรเจกต์ SHOW DC Esport Hub นี้ด้วยครับ” นายเอนก กล่าวทิ้งท้าย
มร.โก ซูซิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด กล่าวถึงการร่วมลงทุนในครั้งนี้ว่า “ในการตัดสินใจครั้งนี้ เราดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้ที่ช่วยสังคมและเศรษฐกิจ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างการเล่นเกมเพื่อความสนุก และกีฬาอีสปอร์ตที่นำไปต่อยอดเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้ชัดเจนก่อนว่ามันแตกต่างกัน ซึ่งเราเห็นถึงความตั้งใจของทางโคลเวอร์ที่อยากผลักดันให้อุตสาหกรรมอีสปอร์ตในประเทศไทยให้โตขึ้นและก้าวสู่ในระดับเอเชียและต่อยอดไปจนถึงระดับโลกได้ ก่อนหน้านี้ทางโชว์ ดีซี ได้มีส่วนร่วมและสนับสนุนกิจกรรมทางด้าน อีสปอร์ตเป็นประจำอยู่แล้ว และเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่ลังเลที่จะสนับสนุนในด้านนี้อย่างเต็มตัว โดยเตรียมพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร เฉพาะชั้น 4 ให้เป็นอาณาจักรสื่อและพัฒนาระบบอุตสาหกรรมอีสปอร์ต ซึ่งสามารถรองรับทั้ง 7 โซนของทางโคลเวอร์ รวมถึงพันธมิตรต่าง ๆ ที่จะเข้ามาร่วมและก้าวไปกับเราในอนาคตด้วย รวมถึงพื้นที่ในส่วนต่าง ๆ ของศูนย์การค้าโชว์ ดีซี ไม่ว่าจะเป็นห้องจัดงานแถลงข่าว ฮอลล์สำหรับจัดการแข่งขัน หรือห้องสัมนา ที่สามารถจุคนได้ตั้งแต่ 50 – 5,000 คน ผมมั่นใจว่า SHOW DC Esport Hub นี้จะดึงดูดให้นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศเข้ามาลงทุนแน่นอน ผมมองว่าอุตสาหกรรมอีสปอร์ตเป็นคอมมูนิตี้ที่มีขนาดใหญ่เหมาะแก่การลงทุน ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันพัฒนาให้อุตสาหกรรมอีสปอร์ตนี้เติบโตขึ้น รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีอาชีพสร้างรายได้ให้กับพวกเขาในอนาคตอีกด้วย” มร.ซูซิง กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรที่เข้าร่วมสนับสนุนในโปรเจกต์นี้อย่าง นายณัฐพล เลิศจิตตานุภาพ กรรมการผู้จัดการโชว์ ดีซี ฮอลล์ กล่าวถึงนวัตกรรมของโชว์ ดีซี ฮอลล์ที่จะรองรับการจัดการแข่งขันอีสปอร์ตในอนาคตว่า “ในส่วนของ โชว์ ดีซี ฮอลล์ มีการลงทุนในตอนแรกกว่า 200 ล้านบาท เพื่อรองรับเอ็กซิบิชั่นในการจัดคอนเสิร์ตในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการจัดการแข่งขันอีสปอร์ต หนึ่งในมหกรรมแข่งขันกีฬาที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและอุปกรณ์ด้านเทคนิคที่ล้ำสมัยอันดับต้น ๆ ของโลก ทำให้เราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการแข่งขันดังกล่าว ล่าสุดเราให้ทีมพัฒนาในเรื่องของการจัดคอนเสิร์ตแบบไลฟ์สตีมมิ่งชมผ่านแว่นวีอาร์ซึ่งใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยในอนาคตเราวางแผนที่จะนำไปใช้ชมการแข่งขันอีสปอร์ตนี้ด้วย เพื่อสร้างการรับรู้และประสบการณ์ในมุมที่แตกต่าง หรือมาชมกันสด ๆ ที่นี่ก็ได้เพราะโชว์ ดีซี ฮอลล์ของเรามีพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร พร้อมจอแอลอีดีใหญ่ที่สุดในประเทศ ขนาดกว้าง 18 เมตร สูง 8 เมตร ความละเอียดถึง P2.5 คุณภาพการฉายขนาด 8 เค. ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยสามารถรองรับการจัดการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับโลกในอนาคต รวมถึงระบบจัดการที่ทันสมัย สามารถเข้า-ออกที่สแกนด้วยใบหน้า แทนที่การใช้บัตรหรือตั๋ว ซึ่งเป็นระบบที่ไร้การสัมผัสปลอดภัยจากโควิด-19 แน่นอนครับ ผมดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการเปิดเวทีให้น้อง ๆ ได้โชว์ศักยภาพ ซึ่งประเทศไทยมีคนเก่งด้านนี้เยอะไปคว้าแชมป์ในการแข่งขันระดับเอเชียก็มีหลายคน ทำให้เรากล้าที่จะลงทุนเพิ่มเติมในโปรเจกต์นี้ครับ”
นายเกรียงศักดิ์ กาศกระโทก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์เพลสคอมส์ จำกัด กล่าวเสริมต่อว่า “ทาง GLP หรือ (บริษัท GSPEED LIVING PLUS จำกัด) เราถือเป็นเกมมิ่งคอมมูนิตี้ ที่หลากหลายสาขาครอบคลุมในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย ในคอมมูนิตี้ของเราได้คลุกคลีกับผู้เล่นเกมจริงทั่วประเทศมากมาย ส่วนใหญ่จะเล่นเพื่อความสนุกเท่านั้น ซึ่งผู้ที่เข้ามาใช้บริการของเราจำนวนมากมีทักษะที่ดีสามารถพัฒนาและต่อยอดทางด้านอีสปอร์ตค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเกม FPS หรือ MOBA ที่มีการจัดการแข่งขันกันอยู่ทั่วโลก เพียงแต่พวกเขาเหล่านี้ไม่รู้ศักยภาพของตัวเองและไม่รู้ว่าจะพัฒนาต่อยอดในด้านนี้ได้อย่างไร ไม่มีใครเข้าไปแนะแนวทางสู่การเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตแบบจริงจัง จึงทำให้เสียดายความสามารถเหล่านี้ของพวกเขา พอรู้ว่าโปรเจกต์ SHOW DC Esport Hub กำลังเกิดขึ้น ผมจึงตอบรับทันทีและยินดีมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแนะแนวทาง ฝึกฝนทักษะ และช่วยผลักดันให้พวกเขาเดินไปทางที่ถูกต้อง ผมเชื่อว่าถ้ามีการสร้างความเข้าใจและสอนให้ถูกวิธีตั้งแต่เริ่มต้นว่า การแบ่งเวลาแบ่งอย่างไร การมีวินัยกับตัวเอง การเล่นที่เป็นทีมเวิร์คเป็นยังไง ก็สามารถสร้างนักกีฬาอีสปอร์ตหรือโปรเพลย์เยอร์ที่เป็นคนไทยให้มีชื่อเสียงในระดับโลกได้แน่นอน รวมถึงอยากให้ในบ้านเราเข้าใจอุตสาหกรรมอีสปอร์ตและเกมมิ่งนี้อย่างจริงจัง เพราะอุตสาหกรรมนี้ยังมีสาขาอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเมอร์ เดเวลอปเปอร์ กราฟฟิคดีไซน์ เทคนิคเชียลด้านอีสปอร์ต ซึ่งเป็นบุคคลากรที่ตลาดโลกต้องการอย่างมาก ยังมีส่วนอื่นๆ อีกหลายส่วนที่ไม่ใช่แค่การเล่นเกมเท่านั้น เพราะฉะนั้นอยากให้ผู้ที่สนใจเข้ามาช่วยกันพัฒนาและยกระดับก้าวไปพร้อมกันอย่างถูกต้องครับ” นายเกรียงศักดิ์ กล่าวปิดท้าย
10 สิงหาคม 2563
