IRCP เทิร์นอะราวด์ ผลการดำเนินงานงวด ปี 63 กำไรพุ่ง 107.39 % ประกาศปรับโครงสร้างทุนครั้งใหญ่ ล้างขาดทุนสะสม หวังจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น

“IRCP” ตอกย้ำการเทิร์นอะราวด์ ผลการดำเนินงานงวดปี 63 พลิกกลับมามีกำไรเพิ่ม 107.39 % เดินหน้าปรับโครงสร้างทุน บอร์ดอนุมัติลดทุน-ลดพาร์ -เพิ่มทุน -ล้างขาดทุนสะสม หวังกลับมาจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น ลุยประมูลงานใหม่ ขณะที่ “ประชา-แดน เหตระกูล” ลั่นพร้อมใส่เงินเพิ่มทุนเกินสิทธิ หากมีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิไม่เต็มจำนวน มั่นใจเดินหน้าสร้างการเติบโตให้บริษัทอย่างมั่นคง มุ่งสู่ผู้ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารครบวงจร

นายแดน เหตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IRCP ผู้ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 34 ปี เปิดเผย ผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ว่า สามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 7.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.39 % เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่ผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 101.45 ล้านบาท ขณะที่ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4 ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 20.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 18.37 ล้านบาท

“ บริษัทมีกำไรสุทธิติดต่อกัน 3 ไตรมาส จากไตรมาส 1 ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 34.60 ล้านบาท แต่ไตรมาส 2 กลับมามีกำไรสุทธิ 2.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,265% จากไตรมาส 1 และไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 18.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 518% จากไตรมาส 2 สะท้อนให้เห็นถึงการกลับมาเทิร์นอะราวด์ อย่างชัดเจน” นายแดน กล่าว

นายแดนกล่าวว่า ผลดำเนินงานที่ดีขึ้นมาจากบริษัทย่อยคือบริษัทไอทีกรีน หรือ ITG มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น โดยมีรายได้ 486.51 ล้านบาท ควบคู่กับการควบคุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนที่ทำได้ดี โดยปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 942.26 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 952.59 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลง 11.22% และมั่นใจว่าผลดำเนินงานจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจอุปกรณ์และโปรแกรม ระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย ที่มีคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ขึ้น และเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ดี โดยมีมาร์จิ้น 15.43 % เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 15.40 % ซึ่งแนวโน้มของธุรกิจอุปกรณ์และโปรแกรมระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย ยังเติบโตได้อีกมากตามธุรกรรมบนโลกออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้ปี 2564 มีรายได้เติบโตขึ้น คาดว่าปี 2564 จะมีรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท

นายแดนยังกล่าวว่า เพื่อให้บริษัทกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 18 ก.พ 2564 มีมติให้บริษัทปรับโครงสร้างทุนครั้งใหญ่ โดย 1.อนุมัติให้ลดทุนจดทะเบียน โดยลดทุนส่วนที่ยังไม่ได้เรียกชำระจำนวน 66.23 ล้านหุ้น ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนลดจาก 320.54 ล้านหุ้น ราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท เหลือ 254.30 ล้านหุ้น 2. มีมติให้ลดทุนด้วยการลดพาร์จาก 1 บาท เหลือ 0.50 บาท หรือลดไป 127.15 ล้านบาท ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนลดจาก 254.30 ล้านบาท เหลือ 127.15 ล้านบาท โดยมีจำนวนหุ้นหลังลดทุนยังคงอยู่ที่ 254.30 ล้านหุ้น

  1. บอร์ดมีมติให้นำส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่มีอยู่กว่า 117.15 ล้านบาท และสำรองตามกฎหมาย 25.43 ล้านบาท มาล้างขาดทุนสะสม ซึ่ง ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมีผลขาดทุนสะสมอยู่ 297.20 ล้านบาท ภายหลังดำเนินการจะทำให้มีขาดทุนสะสมเหลือเพียง 27.47 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะล้างขาดทุนสะสมได้หมด เพื่อกลับมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้เร็ว ๆ นี้ 4. คณะกรรมการมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 254.30 ล้านหุ้น เป็น 435.55 ล้านหุ้น โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 181.25 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ในสัดส่วน 1.4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุนใหม่ เสนอขายในราคาหุ้นละ 0.80 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนจากการขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งสิ้น 145 ล้านบาท โดยจะเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 9 เมษายน 2564 “ขอย้ำกับผู้ถือหุ้นว่าไม่ต้องกังวลกับการเพิ่มทุนของบริษัท เพราะการรบกวนผู้ถือหุ้นครั้งนี้ ก็เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเงินของบริษัท และเตรียมเงินทุนให้พร้อมในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรับงานใหม่ ๆเพิ่มขึ้น สร้างการเติบโตอย่างมั่นคง รวมทั้งการกลับมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้เร็วที่สุด” นายแดน กล่าว

นอกจากนี้ นายประชา เหตระกูล และตนเอง ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ได้ทำหนังสือแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทว่า มีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนเต็มจำนวน และพร้อมจองซื้อหุ้นส่วนเกินสิทธิอีก 155.78 ล้านหุ้น หากมีผู้ถือหุ้นอื่นใช้สิทธิไม่เต็มจำนวน ซึ่งอาจส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ นายประชา เหตระกูล และตนเอง เพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 49.82 % ซึ่งอาจเป็นผลทำให้ นายประชา เหตระกูล และตนเอง ถือหุ้นก้าวข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทที่ 25 % จึงจะมีการขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Tender Offer) ต่อ สำนักงาน ก.ล.ต.

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะขายหุ้นเพิ่มทุนได้ช่วงเดือน ก.ค. 2564 ส่วนเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน นอกจากทำให้โครงสร้างทุนแข็งแกร่งและสัดส่วนหนี้สินต่อทุนมีความเหมาะสมมากขึ้นแล้ว บริษัทจะนำไปขยายกิจการ รองรับการประมูลงานในโครงการ ต่าง ๆ ของภาครัฐเพิ่มมากขึ้น โดยปีนี้มีแผนเข้าร่วมประมูล งานรัฐมากกว่า 20 โครงการ เพื่อเพิ่มมูลค่างานในมือให้เพิ่มสูงขึ้นสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายว่า ปี 2564 รายได้จะโตขึ้นจากปี 2563 เกินกว่า 50 % โดยสิ้นปี 2563 บริษัทมีงานในมือที่เตรียมทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2564 ประมาณ 350 ล้านบาท

ลักษณะธุรกิจของ IRCP
IRCP ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมายาวนานกว่า 34 ปี บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และด้านบริการให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่และจัดแบ่งโครงสร้างธุรกิจ 5 สายธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจโทรคมนาคม 2. ธุรกิจโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศระดับองค์กร 3. ธุรกิจพลังงาน 4. ธุรกิจการพัฒนาซอฟต์แวร์และธุรกิจระบบวิทยุและโทรทัศน์กระจายเสียง 5. กลุ่มบริษัทย่อย

19 กุมภาพันธ์ 2564


บริษัท มีเดีย เน็ทเวิร์ค จำกัด
138, 140 ซอยอนามัย ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
MEDIA NETWORK Co.,Ltd
138, 140 Soi Anamai Srinakarin Road Suanluang Suanluang Bangkok 10250
Tel. 02 721 4417 Fax. 02 721 5516
E-mail : phototechthailand@gmail.com


ติดต่อโฆษณาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 02 721 4417 , 097 921 2929 คุณขวัญ

แฟนเพจ Phototech Magazine


ออกแบบโดย touronthai