โอเอสซี พัฒนา เปิดตัวไม้เท้าอัจฉริยะนวัตกรรมล่าสุด พร้อมส่งมอบเพื่อผู้พิการทางสายตา
โอเอสซี พัฒนา เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้พิการทางสายตา โดยร่วมมือกับการกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวไม้เท้าส่องสว่างอัจฉริยะที่พัฒนามาจนถึงเฟส2 พร้อมส่งมอบเพื่อผู้พิการทางสายตา ภายใต้คอนเซ็ปท์ “ให้เพื่อให้ อย่างยั่งยืน” ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ และวิทยาศาสตร์การกีฬา, พลตรี โอสถ ภาวิไล เลขาธิการคณะกรรมการมูลนิธิพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย, นายอำนวย กลิ่นอยู่ นายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย ที่มาร่วมรับมอบไม้เท้าอัจฉริยะ และรับฟังการบอกเล่าถึงประสบการณ์ การใช้ไม้เท้าส่องสว่างอัจฉริยะจากทีมนักฟุตบอลผู้พิการทางสายตาทีมชาติไทยเมื่อครั้งไปร่วมสู้ศึกพาราลิมปิก โตเกียว2020 โดยพิธีส่งมอบไม้เท้าส่องสว่างอัจฉริยะเพื่อผู้พิการทางสายตานี้จัดขึ้นในวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2564 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย
โอเอสซี พัฒนา ได้พัฒนาและออกแบบไม้เท้าส่องสว่างอัจฉริยะ เพื่อผู้พิการทางสายตา Life Walker มาถึงต้นแบบที่2 โดยต้นแบบแรกเป็นการพัฒนาร่วมกับนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และพัฒนาต่อให้มีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การอำนวยความสะดวกของผู้ใช้งาน เพื่อช่วยให้ผู้พิการทางสายตาสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นการให้แสงสว่างในที่มืด เพื่อให้ผู้อื่นมองเห็นผู้พิการทางสายตา, SOS ส่งสัญญาณเสียงเมื่อต้องการขอความช่วยเหลือ, แก้ปัญหาการวางแล้วหาไม้เท้าไม่เจอด้วยการส่งสัญญาณเรียกได้ในระยะ 30-50 เมตร ผ่าน Bluetooth หรือรีโมท, มีระบบ Sensor ตรวจจับวัตถุที่อยู่ใกล้ อาทิ กิ่งไม้ที่สูงระดับศรีษะ ที่สำคัญคือขนาดกระทัดรัด น้ำหนักด้ามจับเบาเพียง 242 กรัม ชาร์จไฟผ่านสาย USB type-c 3 ชั่วโมง ใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมง พกพาได้สะดวก
วศิน หลีสกุล แห่งโอเอสซี พัฒนา กล่าวว่า “ในนาม OSCO Light ภายใต้บริษัท โอเอสซี พัฒนา จำกัด เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการงานออกแบบแสง และงานระบบ รวมไปถึงงานติดตั้งครบวงจร ได้มองเห็นความสำคัญของการเติบโตคู่ไปกับสังคม โดยมองว่าสังคมเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ บริษัทฯจึงจัดตั้งหน่วยงาน OSCO Care ขึ้นเพื่อพัฒนาสังคมทั้งในด้านชีวิตความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้กรอบการทำงาน 5 ด้าน ได้แก่ Health & Safe ด้านสุขภาพ และความปลอดภัย โดยส่งเสริมหรือพัฒนาความเป็นอยู่ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน, Education ด้านการศึกษา โดยส่งเสริมหรือพัฒนาการศึกษาแบบองค์รวม, Human Right ด้านสิทธิ และความเท่าเทียมกัน โดยส่งเสริมให้ผู้พิการหรือผู้ด้อยโอกาส ให้มีอิสระหรือได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป, Environment ด้านการอนุรักษ์ และรักษาสิ่งแวดล้อม โดยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และรักษาไว้เพื่อลูกหลานในอนาคต, Economy ด้านเศรษฐกิจ การร่วมมือของภาคธุรกิจที่ต่างมาช่วยส่งเสริมให้เกิดการผนึกกำลังในหลายๆด้าน
OSCO Care เป็นโครงการในรูปแบบกิจการเพื่อสังคม Social Enterprise ไม่แสวงหาผลตอบแทน มีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และมีการขยายออกไปเป็นวงกว้างไปจนสร้างให้เกิดวัฒนธรรมของการให้เพื่อให้ OSCO Care จึงมีปณิธานว่า “ให้เพื่อให้ อย่างยั่งยืน” โดยหวังว่าการให้ในขั้นต้นจะก่อให้เกิดการให้ต่อในการร่วมมือกันพัฒนาสังคม เช่นในวันนี้ได้รับความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เสมือนน้ำที่กระเพื่อมต่อเนื่องไปจนในที่สุดกลายเป็นความยั่งยืนส่งต่อกันจนเป็นวัฒนธรรมที่ดี โครงการไม้เท้าส่องสว่างอัจฉริยะ หรือ Life Walker คงไม่สามารถมาถึงวันนี้ได้ถ้าไม่ได้รับแรงสนับสนุนจาก สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย และร่วมส่งต่อการให้นี้ไปยังทัพนักฟุตบอลผู้ที่พิการทางสายตาทีมชาติไทย ให้ได้นำไปใช้เมื่อครั้งไปร่วมสู้ศึกพาราลิมปิกเกมส์ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่ทีมนักฟุตบอลผู้พิการทางสายตาได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้อีกด้วย นอกจากนี้ไม้เท้าส่องสว่างอัจฉริยะเพื่อผู้พิการทางสายตายังสามารถช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการทางสายตา ให้ดำรงชีวิตในสังคมเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถพึ่งพาตนเองในการประกอบอาชีพได้ อีกทั้งยังเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนักกีฬาคนตาบอด และผู้พิการทางสายตาทั่วไป ในการดำเนินชีวิตประจำวันและด้านการฝึกซ้อมอีกด้วย ในนามโอเอสซี พัฒนา เราจะไม่หยุดพัฒนา และ “ให้เพื่อให้ อย่างยั่งยืน” ต่อไปครับ”
7 ตุลาคม 2564