เอปสันชูวิสัยทัศน์ ยึดความยั่งยืน สร้างอนาคตทางธุรกิจ พร้อมเดินหน้าเติมรุ่นเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจแน่นทั้งไลน์

15 ธันวาคม 2565 – เอปสันเผยวิสัยทัศน์ Epson 25 Renewed ยึดความยั่งยืนเป็นหลักสร้างธุรกิจและพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต ตั้งเป้าปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นลบในปี 2050 พร้อมย้ำเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนได้ดีกว่า ล่าสุดเติมรุ่นเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจครบทั้งไลน์ รุกชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์   

มร.จุนคิชิ โยชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจเครื่องพิมพ์ บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เอปสันกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้าทั่วโลก โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับวิสัยทัศน์ขององค์กร โดยใช้ชื่อว่า Epson 25 Renewed ซึ่งระบุถึงการร่วมสร้างความยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชุมชน ผ่านการเชื่อมโยงผู้คน สิ่งของ และข้อมูล โดยใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมอันแข็งแกร่งของเอปสัน ที่มีทั้งประสิทธิภาพ ขนาดกะทัดรัด และความแม่นยำ ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัล เอาไว้ด้วยกัน กุญแจสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์นี้ประกอบด้วยสิ่งแวดล้อม กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) และกระบวนการร่วมคิดร่วมสร้าง โดยเอปสันให้ความสำคัญกับด้านการมีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้ ซึ่งเป็นบ้านที่มีค่าที่สุดของพวกเราทุกคน” 

“เป้าหมายของเอปสันคือการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบและไม่มีการใช้ทรัพยากรใต้ดินให้ได้ภายในปี 2050 โดยจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และตลอดซัพพลายเชน รวมทั้งนำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนเข้ามาใช้ และลงทุนกับกระบวนการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย Decarbonization หรือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในโรงงานผลิตของเอปสันทั่วโลกภายในปี 2023 ด้านที่สองคือการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าด้วย Closed Resource Loop หรือการใช้ทรัพยากรแบบวงปิด โดยลดขนาดและน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ เน้นใช้วัสดุ
รีไซเคิล และยืดอายุการใช้งาน ด้านที่สามคือการช่วยให้ลูกค้าลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ ด้วยผลิตภัณฑ์ของเอปสันที่ถูกออกแบบให้กินไฟน้อยลง ลดจำนวนวัสดุสิ้นเปลืองและชิ้นส่วนประกอบ และด้านที่สี่ด้วยการลดของเสียที่เกิดจากการใช้เครื่องพิมพ์ระบบอนาล็อก โดยหันมาใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัล ทั้งในสำนักงาน ในเชิงพาณิชย์ หรือระดับอุตสาหกรรม และสุดท้าย ซึ่งเป็นด้านที่บริษัทฯ ลงทุนมากที่สุด ก็คือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับแนวทางสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต เอปสันได้วางวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าธุรกิจและลูกค้าองค์กรเป็นหลัก เอปสันจะไม่เพียงนำเสนอสินค้าหรือบริการที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่จะต้องสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย ซึ่งเอปสันในฐานะผู้นำเทคโนโลยีการพิมพ์ระดับโลก ได้นำเสนอเทคโนโลยี Heat-Free ที่เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์แบบไม่ใช้ความร้อน เพื่อช่วยลดการปลดปล่อยความร้อนรวมถึงก๊าซคาร์บอนฯ ทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานในสำนักงานได้อีกด้วย

“จากผลการสำรวจต่อปริมาณการใช้พลังงานของสำนักงานทั่วไปพบว่าการใช้เครื่องพิมพ์นั้นบริโภคพลังงานมากเป็นอันดับ 4 รองจากเครื่องปรับอากาศ ไฟส่องสว่าง และคอมพิวเตอร์ ดังนั้นการนำเทคโนโลยี Heat-Free ที่สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ได้มากถึง 85% จะช่วยให้องค์กรธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นอย่างมาก เอปสันจึงได้ตัดสินใจยุติการจำหน่ายและกระจายสินค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ และหันไปทุ่มเทในการพัฒนาเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้มากกว่า ซึ่งในวันนี้ เอปสันมั่นใจในผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถครอบคลุมความต้องการงานพิมพ์ในตลาดได้อย่างครบถ้วน” มร.จุนคิชิ โยชิดะ กล่าว

ในขณะที่ มร.ซิ่ว จิน เกียด กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ตั้งแต่ปี 1982 เอปสันได้ขยายเครือข่ายและศักยภาพทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก ปัจจุบัน มีสำนักงานเปิดอยู่ใน 10 ประเทศ ภายใต้การดูแลของเอปสัน สิงคโปร์ ทั้งยังมีศูนย์โซลูชัน 6 แห่ง และโรงงานผลิต 7 แห่ง ในด้านการดำเนินนโยบายเชิงสิ่งแวดล้อม นอกจากวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบและปราศจากการใช้ทรัพยากรจากใต้ดินภายในปี 2050 แล้ว บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ลงเพื่อให้สอดคล้องกับการรณรงค์จำกัดการเพิ่มอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2030 อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติด้วยเช่นกัน” 

“วิสัยทัศน์สู่อนาคตที่ยั่งยืนตามที่กล่าวมายังมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี Heat-Free และโซลูชันรีไซเคิลกระดาษ ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันที่เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์แล้ว สามารถลดการใช้พลังงานได้มากกว่า จึงเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนให้กับลูกค้า ทั้งยังมีชิ้นส่วนประกอบภายในเครื่องน้อยกว่า ทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์น้อยลง และปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ น้อยกว่า ในขณะที่ PaperLab ของเอปสัน ก็เป็นระบบผลิตกระดาษแบบแห้งระบบแรกของโลก ที่เปลี่ยนกระดาษใช้แล้วให้เป็นกระดาษใหม่ด้วยเทคโนโลยี Dry Fiber ของเอปสัน เป็นโซลูชันแบบออนดีมานด์ที่ทำให้บริษัทธุรกิจลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ด้วยการรีไซเคิลกระดาษที่ใช้ในสำนักงาน”

“ดังนั้นเพื่อก้าวต่อไปบนวิสัยทัศน์นี้ เอปสันจึงขอประกาศยุติการจำหน่ายและกระจายสินค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในสิ้นเดือนธันวาคมปี 2023 และจะมุ่งมั่นกับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทระบบหัวพิมพ์ Heat-Free และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนจากนี้ไป และในวันนี้ บริษัทฯ ยังจะเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ในกลุ่มเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจ ที่จะช่วยเพิ่มทางเลือกสำหรับการพิมพ์คุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในสำนักงานและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจอีกด้วย” มร.ซิ่ว จิน เกียด กล่าว

ด้าน นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทของเอปสันที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free ได้รับความนิยมอย่างมากจากทุกตลาดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ จนครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทมากเป็นอันดับหนึ่งในปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ของตลาดที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย ในส่วนของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันมีสินค้าหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ระดับความเร็ว 24 หน้าต่อนาที ไปจนถึง 100 หน้าต่อนาที ทั้งแบบขาวดำและสี สำหรับ Epson WorkForce Enterprise AM-Series ที่เปิดตัวในวันนี้ เป็นเครื่องระดับกลาง ความเร็วขนาด 40-60 หน้าต่อนาที เหมาะกับสำนักงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณการพิมพ์ต่อเดือนประมาณ 10,000-20,000 แผ่น ซึ่งการเปิดตัวในวันนี้ ทำให้เอปสันสามารถครอบคลุมความต้องการใช้งานขององค์กรธุรกิจได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น”

เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจ Epson WorkForce Enterprise AM-Series รุ่นใหม่นี้ ประกอบด้วย รุ่น AM-C4000 ที่พิมพ์เร็ว 40 หน้าต่อนาที รุ่น AM-C5000 ที่พิมพ์เร็ว 50 หน้าต่อนาที และรุ่น AM-C6000 ที่พิมพ์เร็ว 60 หน้าต่อนาที ซึ่งทั้งหมดเป็นเครื่องมัลติฟังก์ชันแบบ 4 สี รองรับการพิมพ์ขนาดใหญ่สุดได้ถึง A3 โดยเครื่องพิมพ์ทั้ง 3 รุ่น ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ Heat-Free ซึ่งไม่ใช้ความร้อน ใช้พลังงานต่ำ และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ รวมถึงใช้วัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ นอกจากนี้ยังถูกออกแบบระบบภายในให้สามารถใช้งานและบำรุงรักษาง่าย เพราะมีชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องดูแลรักษาน้อย ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน รวมถึงมีการออกแบบหน้าจอการใช้งาน (User Interface) แบบใหม่ และยังรองรับการตรวจสอบและบำรุงรักษาจากระยะไกลผ่าน Epson Remote Services (ERS) หรือระบบจัดการอุปกรณ์ผ่านระบบคลาวด์ของเอปสันอีกด้วย 

เครื่องพิมพ์ AM-Series มีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม สามารถพิมพ์งานด้วยความเร็วสูงได้อย่างต่อเนื่อง ให้งานพิมพ์ที่คมชัด สามารถใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการเครื่องพิมพ์ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เย็บเอกสารทั้งแบบ เย็บลวด เย็บมุงหลังคา หรือชุดป้อนกระดาษความจุสูง รวมถึงอุปกรณ์เจาะรูกระดาษ นอกจากนี้เครื่องพิมพ์ยังได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีดีไซน์ที่ทันสมัย และมีขนาดที่เล็กลงเมื่อเทียบกับเครื่องรุ่นอื่น ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น 

นายยรรยง กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯ จะเน้นการทำตลาดร่วมกับตัวแทนจำหน่าย ทั้งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าไอทีและผู้จำหน่ายหลากหลายหมวดสินค้า อีกทั้งจะขยายช่องทาง ไปยังกลุ่ม Office Automation ที่จำหน่ายอุปกรณ์สำนักงาน”

“Epson WorkForce Enterprise AM-Series ทั้ง 3 รุ่นที่เปิดตัวในครั้งนี้ จะทำให้ไลน์สินค้าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และสามารถแข่งขันกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ และในตลาดเครื่องถ่ายเอกสารได้อย่างทัดเทียมยิ่งขึ้น โดยในตลาดองค์กรธุรกิจ เครื่องพิมพ์ที่ความเร็วการพิมพ์ระดับ 31- 60 หน้าต่อนาที เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเครื่องพิมพ์ AM-Series ที่ได้รับการออกแบบใหม่นี้ ยังช่วยตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของเอปสันในการที่จะก้าวต่อไปด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์อิงค์เจ็ท ที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรของลูกค้าเอปสันได้ดีกว่า ด้วยความความเร็วและคุณภาพงานพิมพ์ และความคุ้มค่าในการลงทุน” 

“นอกจากนี้ เอปสันยังได้นำเสนอทางเลือกการใช้งานเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจ โดยนำเสนอบริการแบบระบบสมาชิก (Subscription) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งานผ่านโปร Epson EasyCare 360 ที่ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์งานทั้งสีหรือหรือขาวดำ รวมถึงการบริการหลังการขายแบบ On-Site Service ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบตามความเหมาะสบกับการใช้งานของลูกค้าแต่ละราย ได้แก่ EasyCare 360 เหมา เหมา ที่ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์งานทั้งสีหรือหรือขาวดำได้สูงสุดถึง 120,000 แผ่น ในระยะเวลา 24 เดือน ด้วยการเหมาจ่ายเป็นรายเดือนเริ่มต้นที่ 790 บาท และรับเครื่องที่ใช้อยู่ไปฟรีๆ หลังหมดสัญญา หรืออีกโปรแกรม EasyCare 360 Click Charged ที่ให้ผู้ใช้งานจ่ายค่าใช้จ่ายตามการใช้งานที่ใช้งานจริง โดยสามารถเลือกทำสัญญาได้ทั้งแบบเช่าหรือแบบเช่าซื้อ” นายยรรยง กล่าว

15 ธันวาคม 2565


บริษัท มีเดีย เน็ทเวิร์ค จำกัด
138, 140 ซอยอนามัย ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
MEDIA NETWORK Co.,Ltd
138, 140 Soi Anamai Srinakarin Road Suanluang Suanluang Bangkok 10250
Tel. 02 721 4417 Fax. 02 721 5516
E-mail : phototechthailand@gmail.com


ติดต่อโฆษณาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 02 721 4417 , 097 921 2929 คุณขวัญ

แฟนเพจ Phototech Magazine


ออกแบบโดย touronthai