“รพ.ค่ายวชิราวุธ” จัดสาธิตเตรียม รพ.สนาม-ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ตอกย้ำความพร้อมรับมือภัยพิบัติทันท่วงที
โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ นครศรีธรรมราช จัดงานกิจกรรมสาธิตการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนาม และทดสอบการช่วยเหลือในสถานการณ์ภัยพิบัติ ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย และตรงตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) อาทิ ห้องฉุกเฉิน, ระบบอุปโภค-บริโภค, เครื่องปั่นไฟ, เครื่องกรองน้ำระบบ RO, เครื่องผลิตออกซิเจนจากอากาศ เพื่อสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยในเบื้องต้น พร้อมรับมือกับภัยพิบัติ และสามารถส่งต่อผู้ป่วยสู่การรักษาที่ทันท่วงที ให้กลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างดีที่สุดต่อไป
พันเอกชัยชาญ คำหาญ รองแพทย์ใหญ่ กองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบกให้เป็นสถานพยาบาลที่เตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลาสำหรับสถานการณ์ภาคใต้ รวมไปถึงเรื่องสาธารณภัยอื่น ๆ ดังนั้นเมื่อโรงพยาบาลฯ มีความพร้อมมากขึ้น โดยเฉพาะจากความสำเร็จในการยกระดับมาตรฐานการทำโรงพยาบาลสนาม ซึ่งใกล้เคียงกับระดับที่ 2 เราจึงได้ดำเนินการแสดงศักยภาพนี้ ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานต่าง ๆ ของราชการที่มีความเกี่ยวข้องกับอุบัติสาธารณภัย จนถึงกลุ่มประชาชนทั่วไป ให้ได้เห็นและเกิดความมั่นใจในประสิทธิภาพของการให้บริการทั้งทางด้านแพทย์สนามและด้านโรงพยาบาลสนาม
สำหรับกิจกรรมตั้งโรงพยาบาลสนามโดยโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ ครั้งนี้ เป็นการสาธิตการจัดเตรียม ‘โรงพยาบาลสนาม ที่เทียบเท่าใกล้เคียงกับระดับ 2’ หรือโรงพยาบาลสนามที่มีความสามารถในการทำหัตถการในการผ่าตัดและช่วยชีวิตในเบื้องต้นได้กรณีคนไข้มีอาการวิกฤต โดยในองค์ประกอบของโรงพยาบาลสนามนี้ จะมีทั้งส่วนของ เตียงรองรับผู้ป่วยกว่า 20 เตียง สำหรับดูแลผู้ป่วยได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมง, ห้องฉุกเฉิน, ห้องสุขา, ระบบอุปโภค-บริโภค, เครื่องปั่นไฟ และเครื่องทำลายขยะตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO), เครื่องกรองน้ำระบบ RO (Reverse Osmosis) ซึ่งสามารถใช้ในการฟอกไตได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตทดสอบการใช้โรงพยาบาลสนามเพื่อช่วยเหลือเหตุการณ์โคลนถล่ม ที่เป็นการแสดงความพร้อมรับมือในด้านภัยพิบัติ โดยมีเครื่องมือสำคัญอย่าง ‘เครื่องผลิตออกซิเจนจากอากาศ’ เข้ามาใช้ในโรงพยาบาลสนามนี้ด้วย นับเป็นเทคโนโลยีแรก ๆ ในประเทศไทย ที่เข้ามาตอบโจทย์การช่วยเหลือได้ครอบคลุม โดยเฉพาะกรณีเคลื่อนย้ายทางอากาศ จากเดิมที่เครื่องบินไม่สามารถแบกถังออกซิเจนขึ้นไปได้ เนื่องจากมาตรฐานด้านความปลอดภัย โดยเครื่องมือดังกล่าวสามารถผลิตออกซิเจนบริสุทธิ์จากอากาศ ได้ภายใน 1 ชั่วโมง ช่วยให้มีออกซิเจนพร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันที
โดยทั่วไปแล้ว โรงพยาบาลสนามจะออกดำเนินการ ต่อเมื่อโรงพยาบาลพื้นฐานหรือระบบสาธารณสุขในพื้นที่ไม่สามารถใช้การได้ เช่นในสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมทางภาคเหนือ ที่เราสามารถนำโรงพยาบาลสนามไปสับเปลี่ยนกำลังกับบุคลากรในพื้นที่ พร้อมทดแทนอุปกรณ์การแพทย์เดิมที่เสียหาย อีกทั้งด้วยมาตรฐานที่โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธมี คือใกล้เคียงระดับที่ 2 นี้ จะมุ่งเป้าเดินหน้าทดสอบมาตรฐานกับองค์การอนามัยโลกต่อไป เพื่อให้ได้เป็นโรงพยาบาลสนาม ระดับ 2 อย่างเต็มตัว
“โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ มีความมั่นใจเป็นอย่างมากถ้าในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ ทางโรงพยาบาลมีทีมแพทย์ และอุปกรณ์อย่างครบครันในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะโรงพยาบาลสนามที่เทียบเท่าใกล้เคียงกับระดับ 2 หรือโรงพยาบาลสนามที่มีความสามารถในการทำหัตถการในการผ่าตัด และช่วยชีวิตในเบื้องต้นได้ กรณีคนไข้มีอาการวิกฤต” พันเอกชัยชาญ กล่าวเสริมย้ำในตอนท้าย
3 ตุลาคม 2567