“พาณิชย์”ตรวจบิ๊กซี ติดตามสถานการณ์สินค้าเจ เผยห้างจัดเต็ม ลดราคาให้เพียบ

   หากพูดถึงทำเลที่มีความเจริญรุ่งเรืองมานานกว่าร้อยปี มีบทบาทสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียง หนึ่งในพื้นที่ดังกล่าว คือ ทำเลศิริราช เขตบางกอกน้อย ซึ่งนับว่าเป็นทำเลทองมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ การเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลศิริราช  โรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและยังเป็นคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบันอีกด้วย พื้นที่ใกล้เคียงยังมีแหล่งการค้าย่านวังหลัง บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นสถานที่ค้าขายสินค้าสารพัดชนิด และความเจริญดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะย่านวังหลังบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น แต่ได้ขยายรัศมีออกมาโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช ไม่ว่าจะเป็นย่านพรานนก ย่านบางขุนนนท์ หรือแถวถนนอรุณอัมรินทร์อีกด้วย พื้นที่โดยรอบของโรงพยาบาลศิริราช จึงมีการก่อสร้างตึกแถวและอาคารพาณิชย์  สำหรับใช้เป็นสถานที่พักอาศัย ประกอบกิจการค้าและธุรกิจต่าง ๆ มากมาย

อีกเหตุผลสำคัญที่ส่งผลให้ย่านศิริราชเป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญ นอกเหนือจากศูนย์การแพทย์ชั้นนำของประเทศ คือ การมีระบบขนส่งมวลชนที่ครบและสะดวกสบาย ประชาชนสามารถเดินทางมายังพื้นที่ได้ง่ายและหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์หรือรถเมล์ ยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟ เพราะมีสถานีธนบุรีใกล้โรงพยาบาลศิริราช หรือเดินทางด้วยเรือก็สามารถทำได้ เพราะมีท่าน้ำวังหลังหรือท่าศิริราช หรือปัจจุบันมีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่ให้บริการอยู่ไม่ไกล

 

 

 

ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังกล่าว ทำให้ทำเลศิริราชกลายเป็นทำเลทองสำคัญซึ่งถูกจับตามองจากบรรดาดีเวลลอปเปอร์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ในการเข้ามาพัฒนาโครงการต่าง ๆ หนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่เข้ามาพัฒนาโครงการและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี คือ “ดิ อัมรินทร์” ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ อรุณ (AROON) ที่มี คุณอรรถวุฒิ ธรรมเจริญ เป็นผู้บริหารงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ

 

 

 

ปัดฝุ่นตึกเก่ารุ่นคุณยายสู่เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์​แห่งแรก

​คุณอรรถวุฒิ ธรรมเจริญ ได้เริ่มต้นเข้าสู่ถนนอสังหาริมทรัพย์ ภายหลังจากสั่งสมวิชาความรู้จากการเข้ารับการอบรมหลักสูตรทางด้านการบริหารจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และด้านการเงิน จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (หลักสูตร RE-CU Academy : สถาบันการเรียนรู้เพื่อพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์) ด้วยการนำเอาอาคารพาณิชย์เก่าของคุณยายมารีโนเวท และปรับรูปแบบเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ในชื่อโครงการ “ดิ อัมรินทร์เรสสิเดนซ์ (The Amarin Residence)”

​โดยเริ่มต้นจากการมองเห็นศักยภาพและโอกาสทางการตลาด ในบริเวณพื้นที่ทำเลศิริราช ซึ่งเต็มไปด้วยแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากมาย อีกทั้งผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาลในแต่ละวันนับหมื่นราย ซึ่งต้องเดินทางมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเข้าคิวรอรับการรักษาแต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางมา โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ไกล ๆ จึงเห็นว่าหากมีอพาร์ตเม้นต์รายวันซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลไว้คอยบริการกลุ่มลูกค้าดังกล่าว น่าจะประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดี เพราะช่วงเวลานั้นยังไม่มีเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ให้บริการรายวันเลย อย่างคนที่อยู่ทำเลบางนา หากจะมาหาหมอเพื่อวางบัตรคิวในช่วง 7-8 โมงเช้า ต้องมาตั้งแต่ 5-5.30 น.

​“ตนเองเป็นคนในพื้นที่ตั้งแต่เกิด แต่มองหลายอย่างไม่เหมือนคนอื่นมอง ประกอบกับได้เรียนรู้วิชาด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงเปิดให้บริการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์รายวัน เมื่อ 14 ปีที่แล้ว โดยคุณยายมีอาคารพาณิชย์อยู่จำนวนมาก จึงได้เช่าจากคุณยายมารีโนเวทและพัฒนาเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โดยคิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งราคาอาคารและงบประมาณการปรับปรุงประมาณ 40-50 ล้านบาท ขนาดจำนวน 27 ห้อง

เดิมมีคนอยากให้ทำเป็นห้องเช่ารายเดือนซึ่งรายได้เดือนละ 7,500 บาท แต่เรามาคิดว่าถ้าปล่อยเช่ารายวันต่อเดือนจะได้รายได้ถึง​ 20,000 บาท จากเดิมคาดว่าภายในหนึ่งปีอัตราเช่าคงเต็ม แต่พอเปิดให้บริการจริงเพียงอาทิตย์เดียวก็มีผู้เช่าเต็ม 100%”

ปั้นโปรเจ็กต์ 2 จับตลาดคุณหมอ

​ด้วยสายตาการมองศักยภาพของพื้นที่ และโอกาสทางการตลาดที่ชัดเจนจนพาโครงการแรกประสบความสำเร็จ คุณอรรถวุฒิ จึงได้รับเชิญจากสถาบันการเรียนรู้เพื่อพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ให้เป็นหนึ่งในวิทยากร นำเอาความสำเร็จดังกล่าวไปเป็น Case Study สอนผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรของ RE-CU ในรุ่นที่ 5-7 ถึงแนวคิดในการพัฒนาโมเดลเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ไม่เพียงเท่านั้นโมเดลความสำเร็จของเขา ยังกลายเป็นต้นแบบให้ผู้ประกอบการหลายรายพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในพื้นที่ออกมามากมายด้วย ​

​แม้ว่าโครงการดิ อัมรินทร์ เรสสิเดนซ์ จะประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยแนวคิดและวิสัยทัศน์ของ “อรรถวุฒิ” ที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านอสังหาฯ และการเป็นคนในพื้นที่ มองเห็นศักยภาพของพื้นที่และโอกาสทางการตลาดไม่เหมือนคนอื่น จึงได้มีแนวคิดจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยออกมาอีกหนึ่งโครงการ แต่เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแทน แม้จะมีผู้แนะนำว่าให้พัฒนาเป็นโครงการดิ อัมรินทร์ เรสสิเดนซ์ แห่งที่ 2 และเขาเองก็เชื่อมั่นว่าหากพัฒนารูปแบบเดิมก็จะยังคงประสบความสำเร็จเช่นเดิม แต่เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของที่ดินให้มากขึ้น และเป็นการวางรากฐานของการไปสู่การเป็นดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำ เขาจึงเลือกจะพัฒนาโครงการที่ 2 ด้วยรูปแบบของคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์“อรุณ (AROON)”

​“ถ้าจะขึ้นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เฟส 2 เชื่อว่าผลตอบรับดีแน่นอน แต่ส่วนตัวยังมองว่ามีอีกกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่สามารถเข้าไปทำตลาดได้ คือ กลุ่มแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ในรูปแบบของคอนโดมิเนียม ส่วนเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เราจับตลาดคนไข้และญาติเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นคอนโดกลุ่มคนไข้ส่วนหนึ่งที่ใช้บริการได้ อย่างไรก็ตามกลุ่มหลักจะเป็นคุณหมอ ก่อนพัฒนาโครงการจึงลงสำรวจตลาดด้วยตนเอง ว่ากลุ่มคุณหมอต้องการที่อยู่แบบไหน รูปแบบใด ราคาประมาณเท่าไร จึงพัฒนาออกมาเป็นคอนโดโครงการแรก ที่ขายประมาณ 1.1 แสนบาทต่อตารางเมตร เพราะหากระดับราคา 7-8 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ไม่ตอบโจทย์คุณหมอทั้งหมด แม้คนนอกพื้นที่มองว่าในทำเลศิริราชยังไม่ค่อยมีคอนโด การพัฒนาต้องเป็นคอนโดไม่แพง แต่เรามองว่าต้องเป็นคอนโดที่ถูกใจคุณหมอจริงๆ ราคาไม่จำเป็นต้องทำราคาต่ำเกินไป แต่ต้องมีคุณภาพ มีความคุ้มค่าคุ้มราคา” ​

 

 

 

ปิดโปรเจ็กต์คอนโดได้ภายในปีแรก

​ผลของการศึกษาตลาดก่อนการพัฒนาจริงของคุณอรรถวุฒิ ที่สามารถนำข้อมูลอินไซต์มาพัฒนารูปแบบคอนโดและกำหนดราคาขายได้ตรงใจกลุ่มคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ ส่งผลให้โครงการได้รับความสนใจอย่างสูง กลุ่มคุณหมอขอเข้ามาดูรายละเอียดโครงการตั้งแต่สำนักงานขายยังก่อสร้างไม่เสร็จเรียบร้อย ทั้ง ๆ ที่บริษัททำการตลาดและโปรโมตโครงการไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้เบื้องต้นมีลูกค้าสนใจและปิดการจองไปได้ถึง 20% ในระยะเวลาเพียง 2 อาทิตย์แรกก่อนสำนักงานขายจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และหลังจากเปิดตัวสำนักงานขายอย่างเป็นทางการก็สามารถปิดยอดจองเพิ่มได้อีก 60% ภายในระยะเวลา 2 เดือนเท่านั้น ก่อนที่ต่อมาในเดือนที่ 3 จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019

​“การเปิดตัวโครงการแรกถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก แม้ว่าจะเจอโควิด-19 ระบาด ซึ่งเราก็ได้รับผลกระทบมีลูกค้าขอคืนห้องที่จองไว้ประมาณ 5% แต่ถือว่าเราได้รับผลกระทบน้อย ขณะที่โครงการอื่น ๆ ลูกค้าคืนห้อง 40-50% แต่ที่สำคัญคือ โครงการอรุณ สามารถปิดการขายได้ภายในปีแรกที่เปิดตัว ซึ่งลูกค้าของโครงการมีทั้งกลุ่มคุณหมอ กลุ่มนักศึกษาแพทย์ กลุ่มพยาบาล และกลุ่มนักลงทุน ซึ่งมีทั้งนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนเก็งกำไร แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้อยู่อาศัยจริงสัดส่วนประมาณ 70%”

ถอด 3 กลยุทธ์ความสำเร็จ

​เมื่อถามถึงคีย์ความสำเร็จของโครงการอรุณ ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 คุณอรรถวุฒิ เล่าว่า เป็นเพราะการศึกษาตลาดและจับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน รู้ถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าว่าต้องการอยู่อาศัยอย่างไร รวมถึงองค์ประกอบด้านอื่น ๆ ซึ่งหากถอดปัจจัยแห่งความสำเร็จของโครงการอรุณ น่าจะมาจาก 3 กลยุทธ์หลัก คือ

1.กลยุทธ์ทำเลที่ตั้ง ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพ อยู่ใกล้โรงพยาบาลศิริราช การพัฒนาโครงการในทำเลศิริราชมักจะมีปัญหาการหาที่ดินมาพัฒนาได้ยาก เพราะส่วนใหญ่เจ้าของที่ดินเป็นคนในพื้นที่ อยู่อาศัยมานาน 30-60 ปี ไม่มีการขายที่ดินหรืออาคารให้กับผู้อื่น และแต่ละแปลงมีขนาดไม่ใหญ่มาก การพัฒนาโครงการต้องซื้อที่ดินรวมหลายแปลง ที่ดินบริเวณศิริราชยังอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์มีข้อจำกัด ไม่สามารถสร้างอาคารสูงเกิน 5 ชั้นได้ รวมถึงที่ดินส่วนใหญ่เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

​2.กลยุทธ์ด้านราคา โครงการมีราคาเฉลี่ยประมาณ 1.1 แสนบาทต่อตารางเมตร เป็นราคาที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป ซึ่งกลุ่มคุณหมอสามารถซื้อได้ แต่มากกว่าราคา คือ ความคุ้มค่า คุ้มราคาที่โครงการมอบให้กับลูกค้า

​3.กลยุทธ์โปรดักส์ มีการออกแบบและพัฒนาให้เป็นโครงการที่ถูกใจคุณหมอ ที่มีจำนวนยูนิตไม่มาก มีความเป็นส่วนตัวสูง และมีความลักชัวรี่ ให้สินค้ามีคุณภาพ อาทิ เฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์โมเดิร์นฟอร์ม แอร์ไดกิ้น อินเวอร์เตอร์ เป็นต้น พื้นที่ส่วนกลางยังมีความสะดวกสบายต่อการอยู่อาศัย อย่างที่จอดรถให้มากถึง 60%  

เสน่ห์ทำเลศิริราชและโอกาสการพัฒนาในอนาคต

​คุณอรรถวุฒิ เล่าอีกว่า ทำเลศิริราชเป็นย่านที่ถือว่ามีความสำคัญต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนจำนวนมาก ไม่เฉพาะด้านการแพทย์และการศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตด้านต่าง ๆ เพราะเป็นทำเลที่แวดล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญ อาทิ ตลาดวังหลัง ซึ่งนอกจากจะมีของกินของใช้แล้ว ยังรวมถึงร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรมและที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว วัดสำคัญ ๆ เช่น วัดระฆังโฆสิตาราม วัดอรุณราชวราราม

นอกจากนี้ ทำเลศิริราชยังถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมระบบคมนาคมทั้งระบบราง ถนน และทางน้ำ เพราะมีเส้นทางรถไฟ รถไฟฟ้า ท่าเรือ และถนนตัดใหม่ อย่างถนนพระเทพ (ถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4) ซึ่งเป็นถนนสร้างตัดใหม่ ต่อขยายมาจากถนนพรานนก จากสามแยกไฟฉายไปบรรจบกับถนนพุทธมณฑลสาย 4 ทำให้สามารถเดินทางออกไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ทั่วกรุงเทพฯ หรือผู้คนจากสถานที่อื่น ๆ เดินทางมายังโรงพยาบาลศิริราชได้อย่างง่ายดาย ในอนาคตบริเวณรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางขุนนนท์ ยังจะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้ารวม 3 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม และรถไฟฟ้าสายสีแดง

ขณะที่พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งปัจจุบันมีอาคารที่พักของพนักงานและเจ้าหน้าที่รถไฟอายุกว่า 50-60 ปี ทางรฟท.ยังมีแผนปรับปรุงพัฒนาอาคารที่พักของพนักงานและเจ้าหน้าที่แห่งใหม่ พร้อมกับการพัฒนาพื้นที่ระหว่างทางเชื่อมต่าง ๆ เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์​ เช่น ถนนคนเดิน ซึ่งจะส่งผลให้มีคนเข้ามาใช้บริการและอยู่อาศัยในพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จากปัจจุบันมีคนไข้เข้ามาใช้บริการของโรงพยาบาลศิริราชกว่า 12,000 คนต่อวัน ไม่นับรวมกับแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และนักศึกษาอีกกว่า 25,000 คน  ซึ่งปัจจุบันในเขตบางกอกน้อยมีประชาชนอยู่อาศัยกว่า 1 แสนคน ทำให้ทำเลศิริราชเป็นย่านเศรษฐกิจและแหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญทั้งในปัจจุบันและต่อไปในอนาคตของพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรีด้วย 
 
ไม่เพียงเท่านั้น อนาคตโรงพยาบาลศิริราชจะก้าวไปสู่การเป็นศูนย์การแพทย์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมีแผนพัฒนาโครงการอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช ความสูง 15 ชั้น ซึ่งเป็นหน่วยบริการหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ศิริราช  โดยมีทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสายสีแดง  รวมถึงเป็นสถานีขนส่งมวลชนเพื่อสุขภาพและสาธารณสุขแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งทางโรงพยาบาลศิริราชได้ทำข้อตกลงร่วมกับรฟท. และการรถไฟฟ้าขนส่ง​แห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่จะร่วมมือพัฒนาโครงการดังกล่าวบนที่ดินกว่า 4.67 ไร่ ด้วยงบประมาณ 3,800 ล้านบาท ​ 
 
ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว คุณอรรถวุฒิ มองว่าเป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพราะมีดีมานด์จำนวนมาก ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนซื้ออสังหาฯ เพื่อเก็งกำไรหรือปล่อยเช่าที่จะได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูง​ ทำให้ “ดิ อัมรินทร์” ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการในทำเลศิริราช โดยปัจจุบันยังมีที่ดินสะสมในทำเลดังกล่าวอยู่พอสมควร และจะมีการหาซื้อเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการต่อไป ​​ซึ่งการพัฒนาของบริษัทยังคงมุ่งเน้นในเรื่อง “คุณภาพ” เป็นหัวใจหลักสำคัญ นอกจากโลเคชั่นต้องดีแล้ว ​ยังต้องให้ความคุ้มค่า คุ้มราคา ความสะดวกสบาย และความเป็นส่วนตัวกับผู้อยู่อาศัยด้วย เพราะเป็นปรัชญาของการดำเนินธุรกิจที่ยึดถือมาโดยตลอด และจะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปด้วย เพื่อสร้างแบรนด์และความเชื่อถือให้เกิดกับลูกค้า ว่าบริษัทยึดมั่นในคุณภาพการพัฒนา ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งในระยะ 1-3 ปีนี้ ยังคงพัฒนาโครงการในพื้นที่ทำเลศิริราชเป็นหลัก

6 ตุลาคม 2567


บริษัท มีเดีย เน็ทเวิร์ค จำกัด
138, 140 ซอยอนามัย ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
MEDIA NETWORK Co.,Ltd
138, 140 Soi Anamai Srinakarin Road Suanluang Suanluang Bangkok 10250
Tel. 02 721 4417 Fax. 02 721 5516
E-mail : phototechthailand@gmail.com


ติดต่อโฆษณาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 02 721 4417 , 097 921 2929 คุณขวัญ

แฟนเพจ Phototech Magazine


ออกแบบโดย touronthai