พม. รวมพลังประชารัฐเพื่อหยุดการค้าประเวณีและค้ามนุษย์
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อเป็นการหาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าประเวณีและการค้ามนุษย์
นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
วันนี้ (27 เม.ย. 61) เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมด่านพรมแอนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จังหวัดหนองคาย นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ตลอดจนสื่อมวลชนจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
พ.ต.ท. หญิง ธาราทิพย์ จำรัส รองผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย
นายอาทร จันทร์พิลา ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย
ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาการค้าประเวณีและการค้ามนุษย์ โดยมี พ.ต.ท. หญิง ธาราทิพย์ จำรัส รองผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย และ นายอาทร จันทร์พิลา ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย นำเสนอแนวทางการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จังหวัดหนองคาย
ร้อยตำรวจเอก อภิชาติ คลธา รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย
พร้อมทั้งนำคณะผู้บริหารและสื่อมวลชนเยี่ยมชมเครื่องตรวจพาสปอต ของ ตม. โดยมี ร้อยตำรวจเอก อภิชาติ คลธา รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย ที่มาเป็นวิทยากรบรรยาย
จากสถิติการค้าประเวณี ในจังหวัดหนองคายพบว่า ในปี 2558-2560 และปี 2561 ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม พบการค้าประเวณี จำนวน 1 คน และพบเตร็ดเตร่เพื่อค้าประเวณี จำนวน 77 คน เป็นคนลาว จำนวน 66 คน ไทย จำนวน 11 คน ในส่วนของการค้ามนุษย์ในจังหวัดหนองคายพบว่า ในปี 2558-2560 และปี 2561 ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม จับกุมข้อหาค้ามนุษย์ จำนวน 6 คดี มีผู้ต้องหาคนไทย จำนวน 9 คน ลาว จำนวน 1 คน ผู้เสียหาย คนไทย จำนวน 5 คน ลาว จำนวน 6 คน
และในบ่ายวันเดียวกัน ในเวลา 13.30 น. นายเลิศปัญญาฯ ได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมอัศวรรณ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการเสวนา “การพัฒนาบทบาทผู้นำทางสังคมด้านสตรีและครอบครัว” เพื่อรวมพลัง หยุดยั้ง การค้าประเวณี และการค้ามนุษย์ด้านสตรีและเด็ก ภายใต้กิจกรรมเสวนาสัญจรพลังบวกสาม ภาครัฐ สื่อ และประชาสังคมเพื่อสตรีและครอบครัว
นายสุชาติ ทีคะสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย
โดยร่วมต่อจิ๊กซอร์ประกาศให้สังคมรับรู้ และแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ “ประชารัฐรวมพลังหยุดค้าประเวณี ค้ามนุษย์” ก่อนปล่อยขบวนรณรงค์ป้องกันการค้าประเวณีและการค้ามนุษย์ มุ่งหน้าไปยังลานพญานาคหน้าเทศบาลเมืองหนองคาย โดยมี นายสุชาติ ทีคะสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นางบุญรดา ทัพมงคล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดหนองคาย ภาคีเครือข่ายจากภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนทั่วไป สภาเด็กและเยาวชน ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ตลอดจนสื่อมวลชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ร่วมเดินขบวนกว่า 300 คน
นายเลิศปัญญา กล่าวว่า ในปัจจุบันนี้สตรีและเด็กตกเป็นเหยื่อของการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น สังคมจึงต้องเฝ้าระวังและคอยสอดส่องดูแลไม่ให้สตรีและเด็กตกเป็นเหยื่อของการถูกทำลายคุณค่าความเป็นมนุษย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองได้ ดังเช่น สถานการณ์ปัญหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้สตรีหรือเด็กมีโอกาสในการเข้าสู่กระบวนการค้าประเวณี ค้ามนุษย์ อันมาจากหลายสาเหตุ เช่น การขาดโอกาสทางการศึกษา ความไม่รู้เท่าทัน ถูกหลอกลวง รวมถึงมีแรงงานแฝงหรือแรงงานข้ามชาติเข้ามายังประเทศไทยทางตะเข็บชายแดนเพื่อค้าประเวณี ซึ่งเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรม จรรยาที่ดีงาม อันเกิดเป็นความเดือดร้อนและส่งผลเสียหายต่อความสงบสุขของประชาชนและความมั่นคงของชาติ จนก้าวไปสู่การค้ามนุษย์ที่เป็นปัญหาระดับประเทศและมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและเกียรติภูมิของประเทศไทยในสายตาของนานาประเทศ
นายเลิศปัญญา กล่าวต่ออีกว่า พม. โดย สค. ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยและการปกป้องสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กจึงได้จัดกิจกรรมเสวนาสัญจรพลังบวกสาม ภาครัฐ สื่อและประชาสังคมเพื่อสตรีและครอบครัวขึ้น เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจ บทบาทหน้าที่การทำงาน และการเตรียมพร้อมของภาคส่วนต่าง ๆ อันจะเป็นประโยชน์สำหรับการขับเคลื่อนงานด้านสตรีและครอบครัว ในการปรับองค์กรให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อสนับสนุนการก้าวไปสู่ ไทยแลนด์ ๔.๐
โดยใช้กลไกการสร้างความมั่นคงเข้มแข็งของเครือข่ายและภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งเป็นพลังประชารัฐ ประกอบด้วย คนในชุมชน หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนสื่อมวลชนที่เป็นกลไกสำคัญในการส่งต่อข้อมูล ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านสตรีและครอบครัวที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ ให้แก่สตรี ครอบครัวและสังคมให้สามารถปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคม และเพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและแก้หาการค้าประเวณีที่อาจจะก้าวไปสู่การค้ามนุษย์ได้
“กลไกสำคัญอย่างหนึ่งที่ พม. พร้อมให้การสนับสนุนทุกภาคส่วน สำหรับเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนงานเพื่อการสอดส่องป้องกันภัยให้กับสตรีและเด็ก ตลอดจนคนไทยที่ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนทั้งภายในและภายนอกประเทศ คือ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม โทรสายด่วน 1300 ซึ่งมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วบริการในภาวะวิกฤตตลอด 24 ชั่วโมง” นายเลิศปัญญา กล่าวในตอนท้าย
27 เมษายน 2561