Thailand Village Tourism Trade Meet2018 แหล่งท่องเที่ยวชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไกล สุขใจกันทั้งชุมชน
การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง นับได้ว่าเป็นรายได้หลักที่ขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า เราอาจจะเห็นได้จากแนวโน้มของเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆจะซบเซาลง แต่การท่องเที่ยวจะเป็นหนึ่งในไม่กี่อุตสาหกรรมที่ยังคงโตต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในที่นี้สามารถวัดได้จากการคงอยู่อย่างมั่นคงของผู้ประกอบการ การเติบโตของวิสหกิจชุมชน ประชาชนมีรายได้ สามารถจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น โดยประเทศไทยก็ให้ความสำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่กิจกรรมส่วนใหญ่ที่ทั้งภาครัฐ และเอกชนจัดทำขึ้น มักจะชูจุดเด่นของแต่ละจังหวัด ซึ่งจะทำให้จังหวัดนั้นๆ ได้แสดงจุดเด่น และไฮไลท์ของจังหวัดตน แต่อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวได้ทั่ว เพราะทุกคนมีจุดประสงค์เดียวกัน ก็คือไปแต่สถานที่ ที่เป็นไฮไลท์ ทำให้นักท่องเที่ยวหลายๆครั้งอาจจะยังไม่พบกับเพชรเม็ดงามที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่นั้นๆก็เป็นไปได้
วันนี้ทางทีมงานจะพาทุกท่านไปร่วมงาน Thailand Village Tourism Trade Meet 2018 เป็นการจัดนำผู้ประกอบการแต่ละชุมชน ซึ่งมีมากกว่า 50กว่าชุมชนมาร่วมออกบูทเชิญชวนผู้คนไปท่องเที่ยว ทางทีมงานต้องยอมรับเลยครับว่าทุกบูทมีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไปมาก เพราะในแต่ละจังหวัดย่อมมีเสน่ห์ และความต่าง ที่จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ล้วนแล้วแต่มีความน่าสนใจมากๆ จากการเดินสำรวจกว่า 54บูมชุมชน ก็พบได้ว่าเมืองไทยยังมีอีกหลากหลายสถานที่ ที่เพิ่งจะถูกคนพบ และเป็นแหล่งที่ล้วนแล้วแต่สมกับการเป็นอันซีนไทยแลนด์ อาทิเช่น
ชุมชนบ้านผาบ่อง
ชุมชนตำบลบางใบไม้
ชุมชนบ้านโคกเมือง
ชุมชนลางครั่งบ้านบ่อกรุ-ป่าสะแก จังหวัดสุพรรณบุรี
แต่อีกหนึ่งบูทที่น่าสนใจมากๆสำหรับทีมงาน อาจจะเป็นจุดหมายปลายทางอันดับท้ายๆ ของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ วันนี้ผมก็จะพาทุกท่านไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของจังหวัดที่น้อยคนนักจะมีความประสงค์ที่จะไป
จังหวัดที่ว่านั้นก็คือ จังหวัดนราธิวาส หลายๆครั้งหลายๆคราที่เราอาจจะได้รับข้อมูลข่าวสารอะไรต่างๆมาบ้าง จนทำให้เราแทบจะไม่ได้ลิสต์ลงไปใน Dream destinations เลย ผมเองก็เช่นกัน จนกระทั่งได้เข้ามาเยี่ยมชมบูทชุมชนบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 พอเข้ามาถึงสิ่งที่ประทับใจมากๆคือ คุณอภิสิทธิ์ บินซา กล่าวทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม รอยยิ้มที่แฝงด้วยความจริงใจทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความใจดี และโอบอ้อมอารีของคนภาคใต้ หลังจากนั้นคุณอภิสิทธิ์ก็ได้เล่าถึงชุมชนบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา12 ว่า ชุมชนนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวมาแล้วกว่า 6ปี โดยที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวมาเลเซีย เพราะชุมชนนี้อยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน ฐานเก่ากรม10 ฐานที่ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ร่องรอยประวิติศาสตร์ของชาวมาเลเซีย ที่ห่างเพียง 5-10นาทีจากชุมชน โดยการมาท่องเที่ยวในชุมชนนี้ก็จะเป็นการเอาใจนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ทำCSR สร้างประโยชน์ให้กับสังคม
คุณอภิสิทธิ์ บินซา
โปรแกรมการท่องเที่ยว ก็จะมีแบบ 2วัน 1คืน โดยรวมอาหาร 4มื้อ ฐานกิจกรรม การแสดง และที่พัก ราคาต่อคนจะอยู่ที่ 1,590บาท แต่ถ้า 10คนขึ้นไป ราคาก็จะลดเหลือเพียง 1,290บาท นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมปลูกป่า ชมวิวทิวทัศน์ สาธิตการฝังเข็ม ชมการแสดงตารีกีปัส และเข้าพักโฮมสเตย์ติดลำธารที่นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำผ่อนคลาย ให้เย็นสบายใจได้ตลอดทั้งวัน และจุดเด่นที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างก็คือ อาหารที่เสริ์ฟล้วนแต่เป็นอาหารท้องถิ่น และจะเป็นพืชผักตามฤดูกาล เป็นอาหารฮาลาลซึ่งจะไม่มีส่วนผสมของหมู แต่จะการันตีด้วยความสะอาด และสดใหม่
ชุมชนบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา12 สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เต็มที่ไม่เกิน 46ต่อวัน แต่ก็มีแผนที่จะพัฒนาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆในอนาคต นักท่องเที่ยวจะเยอะในช่วงต้นปี ในเดือน มกราคมถึงมีนาคม จะเป็นช่วงที่ฝนจะน้อย และอากาศค่อนข้างดีกว่าเดือนอื่นๆ แต่ชุมชนนี้ก็ยืนยันว่าสามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปีเลยล่ะครับ
ชาอูบีซาไก (สำหรับเป็น Welcome Drink ต้อนรับนักท่องเที่ยว)
การเดินทางก็ง่ายมากครับ เดินทางจากสนามบินนราธิวาส ประมาณ 100กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30ชั่วโมง ก็จะถึงชุมชนแล้วครับ ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังชุมชนก็จะมี สองแบบ
แบบแรก สามารถจ้างรถตู้โดยสารในราคาเหมา 1,800บาท (ไม่รวมน้ำมัน)
แบบสอง สามารถติดต่อรถจากชุมชนให้ไปรับที่สนามบินได้ โดยจะเป็นรถกระบะ ราคาเที่ยวละ 2,000บาท โดยส่วนตัวทีมงานแนะนำให้เดินทางแบบที่สองเพราะจะเป็นการช่วยเหลือชุมชน และมีส่วนร่วมทำให้ สถานที่ และวัฒนธรรมดีๆ จะคงอยู่กับประเทศของเราตลอดไป
14 กันยายน 2561