ท่องเที่ยวเชิงรุกเชื่อมโยงภูมิภาค ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง II
อีกหนึ่งจุดที่เรายังคงอยู่กันในปากน้ำประแสร์ นั่นก็คือทุ่งโปรงทอง
ทุ่งโปรงทองก็คือบริเวณป่าชายเลนริมปากน้ำประแสร์ เป็นทุ่งกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นโปรงทองหลายล้านต้น สามารถมองได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ทุ่งโปรงทองจะสวยมากในยามเช้าที่มีแสงแดดอ่อนๆฉาบลงบนต้นโปรงทอง จะเกิดเป็นสีทองอร่ามทั่วทุ่ง โดยในทุ่งจะมีทางเดินไม้ยาวประมา๊ณ 2.6กิโลเมตร ลัดเลาะไปตามทุ่งโปรงทอง นักท่องเที่ยวสามารถเดินเก็บภาพความสวยงามของทุ่งแห่งนี้ได้ตลอดเส้นทาง
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งเรือชมบริเวณป่าชายเลน และทุ่งโปรงทองในอีกมุมมองหนึ่งได้ โดยจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนละ 50บาท เรือก็จะพาทุกท่านออกชมรอบทุ่งประมา๊ณ 20นาที และจะไปขึ้นเรืออีกครั้งที่แสมภู่ และเดินทะลุทุ่งโปรงทองอีกนิดก็จะถึงจุดไฮไลท์ของทุ่งโปรงทองแห่งนี้ นอกจากความสวยงามของต้นโปรงทอง บรรยากาศที่สวยงามแล้ว ที่แห่งนี้ยังมีระบบนิเวศน์ที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์มาก นักท่องเที่ยวอาจมีโอกาสได้เห็นลิง นกนานาชนิด และสัตว์น้ำน้อยใหญ่ได้
ก่อนจะกลับก็ไม่ลืมที่จะแวะถ่ายภาพ เก็บบรรยากาศ สะพานประแสสิน สะพานที่ยังคงมีผู้คนมากมายที่หลงในมนต์เสน่ห์ สะพานที่ซึ่งดูแล้วสะอาดตา การเรียงตัวของต้นเสา ขนาบกับเส้นของสะพานที่ดูแล้วสวยมากๆ ยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวทิวทัศน์ ที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมกันเป็นจำนวนมาก
จุดที่แปด ศึกษาวิถีชีวิตชุมชน ของชุมชนทะเลน้อย
ในจุดแรกของชุมชนทะเลน้อย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนจะต้องมา วัดราชบัลลังก์ประดิษฐวรารามเป็นสถานที่แรก วัดนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งคือวัดทะเลน้อย ที่ทะเลน้อยนี้เองเป็นที่ ที่กองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จผ่านเพื่อนำทหารไปตีเมืองจันทบุรี และได้หยุดพักที่บ้านทะเลน้อยนี้ ชื่อของวัดราชบัลลังก์ มาจากบัลลังก์ที่ประทับซึ่งได้รับพระราชทานจากพระเจ้าตากสินนั่นเอง ต่อมาได้ทำการขนย้ายไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงเทพ นอกจากนี้ยังมีพระประทานเก่าแก่ โครงสร้างหวาย ฉาบปูนปิดทอง เจดีย์เก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2430 เชื่อกันว่าแต่ก่อนบรรจุของมีค่าไว้มากมาย แต่ปัจจุบันของเก่าได้สูญหายไปเกือบหมดแล้ว
เดินทางต่อไปที่วัดป่าประดู่ เพื่อสักการะ พระพุทธปางไสยาสน์ตะแคงซ้าย
วัดป่าประดู่เดิมมีชื่อว่า วัดป่าเลไลยก์ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครระยอง ถนนสุขุมวิท สันนิษฐานว่าสร้างขึ้น ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีอายุราว 400 ปี ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2372 พระอุปัชฌาย์เทียน ได้บูรณะวัดแห่งนี้ขึ้นใหม่ ที่มาของชื่อ วัดป่าประดู่ มาจากภายในวัดมีต้นประดู่ขนาดใหญ่อยู่จำนวนมาก แต่ปัจจุบันเหลือเพียงต้นเดียว ตรงปากประตูทางเข้าวัดป่าประดู่เท่านั้น ไฮไลต์ของวัดป่าประดู่ อยู่ตรงที่มี พระพุทธปางไสยาสน์ตะแคงซ้าย ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหาร ยาวประมาณ 11 เมตร สูง 3.60 เมตร เป็นพระพุทธไสยาสน์ที่แปลกสุดในประเทศไทย ซึ่งองค์พระพุทธปางไสยาสน์ส่วนใหญ่ มักจะสร้างประทับในท่านอนตะแคงขวา เดิมพระพุทธปางไสยาสน์ตะแคงซ้าย ประดิษฐานกลางแจ้ง และภายหลัง ได้มีการสร้างวิหารครอบองค์พระเอาไว้เมื่อปี พ.ศ. 2524 เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะขอพร จะทำให้มีโชคลาภ และเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน นอกจากนี้หากได้มาลอดช่องบริเวณพระวิหาร จะเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ถนนยมจินดา
ก่อนจะเดินทางกลับบ้านพลาดไม่ได้ที่จะแวะเช็คอินถนนแห่งแรกของเมืองระยอง นั่นก็คือ ถนนยมจินดา ถนนสายแรกของเมืองระยอง เป็นแหล่งการค้าแห่งแรกของเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออกแห่งนี้ ถนนสายนี้เกิดจากดำริของพระศรีสมุทรโภค (อิ่ม ยมจินดา) เจ้าเมืองระยองคนสุดท้าย ที่ให้ตัดถนนขึ้นกลางเมืองในยุคที่การคมนาคมยังพึ่งพาสายน้ำเป็นหลัก นับจากนั้นมา แหล่งการค้าจึงย้ายจากในน้ำขึ้นมาบนบก และถนนยมจินดาก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองระยองนับแต่นั้นแต่เมื่อเมืองเติบโตขึ้น บวกกับการรุกคืบเข้ามาของธุรกิจและซูเปอร์มาเกต ทำให้ถนนยมจินดาเหี่ยวเฉาลง บ้านไม้โบราณทั้งหลายถูกปล่อยปละจนทรุดโทรม ชาวชุมชนจึงตัดสินใจตั้งกลุ่มชมรมอนุรักษ์ฟื้นฟูเมืองเก่าระยอง ร่วมมือกับเทศบาล ทำการฟื้นฟูย่านชุมชนเก่าแห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ทำนุบำรุงและฟื้นฟูกิจการในอดีตให้กลับคืนมา โดยอาศัยมนต์เสน่ห์ของความเก่าแก่อันเปี่ยมมนต์ขลัง และได้จัดเป็นถนนคนเดินในเทศกาลต่างๆ ไม่มีค่าเข้าชม ความคลาสสิคของถนนแห่งนี้คงหนีไม่พ้นปฏิมากรรมแบบชิโนโปรตุกีส ทั้งของห้างร้าน และบ้านพักอาศัย ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหน ก็สวยไปหมดเลยล่ะครับ
สถานที่สุดท้ายของทริปนี้ ที่แอดมินภูมิใจนำเสนอ และอยากให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้มาเยี่ยมชมก็คือ ป่าในเมือง “ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ อัญมณีหนึ่งเดียวในระยอง” บนเนื้อที่กว่า 500ไร่ สวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย แค่เห็นป้ายหน้าทางเข้าที่เขียนไว้แบบนี้แล้ว ก็อดที่จะดีใจไม่ได้ เพราะประโยชน์ที่ได้จากการมีป่า มีต้นไม้มากมายในเมืองนั้นมากมายมหาศาล และทั้งหมดทั้งมวลที่หลายหน่วยงานได้ร่วมสนับสนุนและทำไป ล้วนแล้วแต่เพื่อพี่น้องชาวไทยอย่างเราทั้งนั้น
พระเจดีย์กลางน้ำ ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆัง ขนาดย่อม สูงราว 10 เมตร ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยอง ท่างกลางป่าชายเลนที่ยาวเหยียด มีน้ำล้อมรอบ เนื้อที่ราว 52 ไร่ เทศบาลนครระยองได้สร้างสะพานคอนกรีตเข้าไปสู่เจดีย์ เจดีย์นี้สร้าง พ. ศ. 2416 ในสมัย พระยาศรีสมุทรโภคชัยชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เป็นเจ้าเมืองระยอง สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ให้ชาวเรือ หรือผู้โดยสารที่เดินทางผ่านถึงบริเวณนั้นได้ทราบว่ามาถึงเมืองระยองแล้ว สมัยโบราณมีแต่เส้นทางคมนาคม ทางน้ำเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะเข้าสู่ตัวเมืองระยองได้สะดวก ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างเจริญรอยตามแบบ พระสมุทรเจดีย์ หรือ เจดีย์กลางน้ำ เมืองสมุทรปราการที่เป็นสัญลักษณ์ให้บรรดาผู้เดินทางผ่านมา ถึงจุดนี้ทราบว่า ใกล้จะถึงกรุงเทพมหานครแล้ว
เจดีย์กลางน้ำถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดระยอง และเป็นสิ่งที่ชาวระยองเคารพนับถือมาก ราวกลางเดือน 12 ของทุกปีซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก จะมีงานประเพณีทอดกฐินและงานห่มผ้าเจดีย์กลางน้ำ นอกจากนั้นจะมี งานลอย กระทง แข่งเรือยาว ประเพณีห่มผ้าเจดีย์นั้น ผ้าที่จะนำมาห่มต้องเป็นผ้าสีแดง มีความยาว 6 เมตร ใช้คน 2 คนปีน ขึ้นไปห่มส่วนบนของเจดีย์ บริเวณรอบๆเจดีย์มีการปลูกป่าสน ทำให้ร่มรื่นสวยงามจึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาวเมืองใน เวลาว่างอีกด้วยปัจจุบันเทศบาลนครระยองได้ทำการบูรณะพระเจดีย์และ บริเวณรอบองค์ อย่าง สวยงาม สร้างสะพานคอนกรีตให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมป่าชายเลนอีกด้วย
ความสุข และการแบ่งปันในครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่ได้รับความอนุเคราะห์จาก ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ระยอง ทางแอดมิน และทีมงาน www.phototechthailand.com ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
9 ตุลาคม 2561