วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) จ.ร้อยเอ็ด
วัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุง ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด วัดนี้มีชื่อทางการว่า วัดประชาคมวนาราม สร้างโดย หลวงปู่ศรี มหาวีโร มีเจดีย์ขนาดใหญ่ทำจากหินทรายธรรมชาติเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 90 ปี พรรษา 60 พระเทพวิสุทธิมงคล "หลวงปู่ศรี มหาวีโร" พระเกจิอาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐาน ชื่อดังแห่งภาคอีสาน เลียนแบบเจดีย์โบโรบูโด(บรมพุทโธ) ที่เกาะชวา อินโดนีเซีย เนื่องจากเมื่อพ.ศ. 2531 หลวงปู่ได้ไปปฏิบัติศาสนกิจ ณ มหาเจดีย์บุโรพุทโธ หรือ โบโรบูโดร์ และได้ประทับใจในความยิ่งใหญ่อลังการของมหาเจดีย์แห่งนี้ จึงได้เล่าให้คณะศิษย์ฟัง
ต่อมาใน ปี พ.ศ 2535 การก่อสร้างจึงเริ่มขึ้น จนกระทั่งแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2547 มีพิธียกยอดเจดีย์ทองคำแท้หนัก 101 ขึ้นประดิษฐาน ด้วยแรงศรัทธาของคณะศิษยานุศิษย์ เสียสละกำลังกายกำลังทรัพย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความสมัครสมานสามัคคี เทิดทูนความดีที่หลวงปู่ศรีได้ประพฤติปฏิบัติ ซึ่งจัดพิธีสมโภชไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2549 ด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาท ภายในพระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุซึ่งอยู่จุดศูนย์กลางของเจดีย์ ผนังแกะสลักเรื่องราวพระพุทธประวัติและเวสสันดรชาดก รวมทั้งประวัติของหลวงปู่ศรีและรูปบูรพาจารย์ เนื่องจากวัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุง เป็นสถานที่จำพรรษาของ พระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) ซึ่งในทุกๆ ปีวัดป่ากุงจะได้จัดพิธีระลึกถึงพระคุณของหลวงปู่ศรีในวันคล้ายวันเกิด มีกิจกรรมการสวดมนต์ จัดตั้งโรงทาน ตักบาตร ในระว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม ของทุกปี ซึ่งในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว จะมีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาร่วมงานในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก
ตัวองค์เจดีย์ถูกสร้างจากหินทรายธรรมชาติ และได้ทำการแกะสลักเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา
ภายใน
ชั้นที่ 1 เป็นที่ประชุมสงฆ์และประกอบพิธีสังฆกรรม
ชั้นที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑ์และประวิติหลวงปู่ศรี มหาวิโร
ชั้นที่ 3 เจดีย์องค์ประธานและเจดีย์องค์เล็ก 4 องค์
ภายนอก
ชั้นที่ 1 ภาพแกะสลักเรื่องพระเวสสันดร
ชั้นที่ 2 ภาพแกะสลักเรื่องพุทธประวัติ
ชั้นที่ 3 ภาพแกะสลักเรื่องพระพุทธชัยมงคลคาถา
ภายนอกองค์เจดีย์ มีพระพุทธรูปที่สร้างจากหิวลาวา และเจดีย์องค์เล็ก
ภายนอกขององค์เจดีย์ยังประกอบไปด้วยพระพุทธรูปแกะสลักจากหินลาวาที่ชาวพุทธในประเทศอินโดนีเชียสร้างถวายจำนวนทั้งหมด 136 องค์
ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น
5 กันยายน 2560