สสว. ร่วมกับ มูลนิธิพระดาบส สร้างผู้ประกอบการใหม่ตามแนวพระราชดำริ
สสว. ร่วมกับมูลนิธิพระดาบส จัดทำโครงการพัฒนาผู้ประการเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ธุรกิจชุมชนตามแนวพระราชดำริ ปี 2562 ตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพศิษย์พระดาบสและผู้สนใจทั่วไป 180 ราย ให้มีความพร้อมเป็นผู้ประกอบการ SMEs ใหม่ที่มีศักยภาพ พร้อมสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ในพื้นที่
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ร่วมกับ มูลนิธิพระดาบส ดำเนินโครงการพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ธุรกิจชุมชนตามแนวพระราชดำริ ปี 2562 โดยเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาและสร้างผู้ประกอบการใหม่จากศิษย์พระดาบส และผู้สนใจที่มีความตั้งใจหาความรู้เป็นวิชาชีพใส่ตน แต่ประสบปัญหาไม่มีความรู้พื้นฐานและไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาวิชาชีพระดับต่างๆ ตลอดจนผู้ที่ต้องการยกระดับตนเองเป็นผู้ประกอบการใหม่ที่มีทักษะความรู้ในการประกอบสัมมาชีพได้อย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อีกทั้งเป็นการวางรากฐานในการพัฒนาให้เป็นผู้ประกอบการ อันจะนำไปสู่การสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชุมชนและท้องถิ่น และนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในระดับชุมชนให้มีความเข้มแข็ง
ผอ.สสว. เผยว่า โครงการพระดาบสฯ ได้ประสานความร่วมมือกับมูลนิธิพระดาบส ได้จัดหลักสูตร 3 หลักสูตร ได้แก่ การปลูกพืชไม่ใช้ดิน (Hydroponics) การเพาะเห็ดแบบครบวงจร และช่างไม้เครื่องเรือนประกอบโครงไม้จริง ซึ่ง สสว. เชื่อว่า ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมและต่อยอดองค์ความรู้ จะได้รับทั้งทักษะพื้นฐานทางอาชีพ และพื้นฐานการประกอบธุรกิจ ความสามารถด้านเทคโนโลยี การบริหารจัดการ การผลิตและการตลาด ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพัฒนาให้ยกระดับเป็นผู้ประกอบการใหม่ที่มีความเข้มแข็ง มีทักษะความรู้ในการประกอบสัมมาชีพได้อย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ และสร้างโอกาสในการพัฒนาศักยภาพไปสู่การเป็นผู้ประกอบการใหม่ที่มีประสิทธิภาพได้ต่อไป
“สำหรับการดำเนินงานโครงการดังกล่าวในปี 2562 ได้มุ่งเป้าหมายในการให้องค์ความรู้แก่ศิษย์พระดาบส และผู้เข้ารับการฝึกอบรม ซึ่งการดำเนินงานจะมีการจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในภาพรวมโดยเฉพาะประเภทธุรกิจ เเช่น ความรู้ด้านวิชาชีพเฉพาะด้านการบริหารจัดการ การตลาด การเงิน การเขียนแผนธุรกิจ ฯลฯ จัดการฝึกอบรม พร้อมจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพให้กับผู้เข้าร่วมโครงการโดยการศึกษาดูงานเพื่อเรียนรู้จากธุรกิจต้นแบบ กำหนดเป้าหมายไม่น้อยกว่า 180 รายและต้องมีผู้ผ่านการอบรมสามารถนำความรู้ไปประกอบวิชาชีพเป็นผู้ประกอบการใหม่ และขึ้นทะเบียนสมาชิก สสว. ไม่น้อยกว่า 90 ราย โดยผู้สนใจจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน Applications SME CONNEXT”
นายเอกสิทธิ์ วัฒนปรีชานนท์ ผู้อำนวยการโครงการลูกพระดาบส กล่าวว่า มูลนิธิพระดาบส เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรวิชาชีพ ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นโรงเรียนผู้ใหญ่พระดาบส สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ปัจจุบันมีหลักสูตรการเรียนการสอนรวม 3 ประเภท คือ หลักสูตรประจำ 1 ปี หลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น และหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น โดยโครงการลูกพระดาบส สมุทรปราการ ได้มีการฝึกอบรมวิชาชีพในหลักสูตรต่างๆ ให้ผลิตได้ ขายเป็น อาทิ การปลูกผักไฮโดรพอนิกส์ การปลูกกล้วยไม้ การเลี้ยงปลา การเพาะเห็ด การแปรรูปอาหาร การแปรรูปสมุนไพร การผลิตไบโอดีเซล ฯลฯ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมในหลักสูตรดังกล่าว มีความรู้ที่จะสามารถนำไปประกอบสัมมาชีพเลี้ยงตัวเอง ครอบครัว และสามารถพัฒนาไปเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีประสิทธิภาพได้ต่อไป
ผู้อำนวยการโครงการลูกพระดาบส เผยว่า โครงการที่มูลนิธิฯ ร่วมมือกับ สสว. เป็นการดำเนินโครงการพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ธุรกิจชุมชนตามแนวพระราชดำริ โดยเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาและสร้างผู้ประกอบการใหม่ที่มีทักษะความรู้ในการประกอบสัมมาชีพได้อย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
“โครงการดังกล่าว ได้เริ่มขึ้นในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน และมีผู้ผ่านการอบรมจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,540 ราย ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้ ถือว่า เป็นผู้ประกอบการที่นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการประกอบธุรกิจ สร้างวิชาชีพเป็นผู้ประกอบการใหม่ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้ เนื่องจากผู้เข้ารับการฝึกอบรม จะได้รับการฝึกอบรมทักษะทางด้านวิชาชีพ และทักษะทางด้านการเป็นผู้ประกอบการซึ่งจะช่วยพัฒนาให้กลายเป็นผู้ประกอบการใหม่ที่มีความเข้มแข็ง และยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ และสร้างโอกาสในการพัฒนาศักยภาพไปสู่การเป็นผู้ประกอบการใหม่ที่มีประสิทธิภาพได้ต่อไป” ผู้อำนวยการโครงการลูกพระดาบส กล่าวในที่สุด
25 เมษายน 2562